แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕
****************************
1. พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้ไว้ ณ วันใด
ก. ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ค. ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ข. ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ง. ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ตอบ ข. ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
2. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ค. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
3. พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 8 หมวด 60 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ค. 9 หมวด 60 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ข. 8 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ง. 9 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ง. 9 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
4. บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด ถูกกล่าวไว้ในมาตราใด
ก. มาตรา 5 ค. มาตรา 6
ข. มาตรา 9 ง. มาตรา 10
ตอบ ก. มาตรา 5
มาตรา ๕ บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัตินี้
5. บุคคลใดประสงค์จะใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขจะต้องยื่นคำขอลงทะเบียนต่อใคร
ก. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพ
ค. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสำนักงานสาขา
ตอบ ง. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสำนักงานสาขา
มาตรา ๖ บุคคลใดประสงค์จะใช้สิทธิตามมาตรา ๕ ให้ยื่นคำขอลงทะเบียนต่อสำนักงานหรือหน่วยงานที่สำนักงานกำหนด เพื่อเลือกหน่วยบริการ เป็นหน่วยบริการประจำ
6. บุคคลที่ได้ลงทะเบียนแล้วให้ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขได้จากหน่วยบริการประจำของตนหรือหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่
ก. กรณีที่มีเหตุสมควร ค. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ข. กรณีอุบัติเหตุ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๗ บุคคลที่ได้ลงทะเบียนแล้ว ให้ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขได้จากหน่วยบริการประจำของตนหรือหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง หรือจากหน่วยบริการอื่นที่หน่วยบริการประจำของตนหรือเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องส่งต่อ เว้นแต่กรณีที่มีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ให้บุคคลนั้นมีสิทธิเข้ารับบริการจากสถานบริการอื่นได้ ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยคำนึงถึงความสะดวกและความจำเป็นของผู้ใช้สิทธิรับบริการ และให้สถานบริการที่ให้บริการนั้นมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
7. ผู้ซึ่งมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถเข้ารับบริการครั้งแรกที่ใด
ก. หน่วยบริการประจำของตน
ข. หน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง
ค. หน่วยบริการอื่นที่หน่วยบริการประจำของตนหรือเครือข่ายหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องส่งต่อ
ง. ที่ใดก็ได้
ตอบ ง. ที่ใดก็ได้
มาตรา ๘ ผู้ซึ่งมีสิทธิตามมาตรา ๕ ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนตามมาตรา ๖ อาจเข้ารับบริการครั้งแรกที่หน่วยบริการใดก็ได้ และให้หน่วยบริการที่ให้บริการแก่บุคคลดังกล่าวจัดให้บุคคลนั้นลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำตามมาตรา ๖ และแจ้งให้สำนักงานทราบภายในสามสิบวันนับแต่ให้บริการ โดยหน่วยบริการดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายสำหรับการให้บริการครั้งนั้นจากกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
8. ขอบเขตของสิทธิรับบริการสาธารณสุขของบุคคลใด ต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ มติคณะรัฐมนตรีหรือคำสั่งใด ๆ ที่กำหนดขึ้นสำหรับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
ก. ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ
ข. พนักงานหรือลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานอื่นของรัฐหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๙ ขอบเขตของสิทธิรับบริการสาธารณสุขของบุคคลดังต่อไปนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ มติคณะรัฐมนตรีหรือคำสั่งใด ๆ ที่กำหนดขึ้นสำหรับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้ใช้สิทธิดังกล่าวตามพระราชบัญญัตินี้
(๑) ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ
(๒) พนักงานหรือลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๓) พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานอื่นของรัฐหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ
(๔) บิดามารดา คู่สมรส บุตร หรือบุคคลอื่นใดที่ได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลโดยอาศัยสิทธิของบุคคลตาม (๑) (๒) หรือ (๓)
9. จากข้อ 8 ใครมีหน้าที่จัดการให้บุคคลดังกล่าวสามารถได้รับบริการสาธารณสุขตามที่ได้ตกลงกันกับรัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ แล้วแต่กรณี
ก. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ค. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ตอบ ข. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
10. ใครเป็นประธานใน“คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”
ก. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ค. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
มาตรา ๑๓ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ประกอบด้วย
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ
(๒) ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
(๓) ผู้แทนเทศบาลหนึ่งคน องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนึ่งคน องค์การบริหารส่วนตำบลหนึ่งคน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบอื่นหนึ่งคน โดยให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภทคัดเลือกกันเอง
(๔) ผู้แทนองค์กรเอกชนซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่มิใช่เป็นการแสวงหาผลกำไรและดำเนินกิจกรรมดังต่อไปนี้ องค์กรละหนึ่งคน โดยการคัดเลือกกันเองในแต่ละกลุ่มให้เหลือกลุ่มละหนึ่งคน และให้ผู้แทนดังกล่าวคัดเลือกกันเองให้เหลือจำนวนห้าคน
(ก) งานด้านเด็กหรือเยาวชน
(ข) งานด้านสตรี
(ค) งานด้านผู้สูงอายุ
(ง) งานด้านคนพิการหรือผู้ป่วยจิตเวช
(จ) งานด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเรื้อรังอื่น
(ฉ) งานด้านผู้ใช้แรงงาน
(ช) งานด้านชุมชนแออัด
(ซ) งานด้านเกษตรกร
(ฌ) งานด้านชนกลุ่มน้อย
(๕) ผู้แทน ผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุขจำนวนห้าคน ได้แก่ ผู้แทนแพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ด้านละหนึ่งคน
(๖) ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านประกันสุขภาพ การแพทย์และสาธารณสุข การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก การเงินการคลัง กฎหมายและสังคมศาสตร์ ด้านละหนึ่ง
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น)
ถาม – ตอบ สาธารณสุขชุมชน
*********************
1. งานสาธารณสุขชุมชน หมายถึงอะไร และมีความสำคัญอย่างไร
ตอบ งานบริการที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชน มุ่งเน้นงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสภาพโดยสมาชิกในชุมชนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยภาครัฐและภาคเอกชน คอยให้การสนับสนุน ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกในชุมชนพึ่งตนเองทางสุขภาพได้อย่างแท้จริง
ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเราต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด การปรับตัวนี้เองทำให้มีผลต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การเจ็บป่วยแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อการดูแลรักษา ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ช่วยได้บ้างเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น แต่การดูแลสุขภาพหลังการเจ็บป่วยให้ฟื้นคืนสู่สภาพดังเดิมนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเอง การเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆ ที่กล่าวมาส่งผลให้ภาครัฐต้องมีการปรับปรุงระบบและวิธีการบริหารจัดการ ดังจะเห็นได้จากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้บัญญัติถึงการให้สิทธิเสรีภาพประชาชนมากขึ้น ตลอดจนมีการกระจายอำนาจการบริหารราชการส่วนกลางไปสู่การบริหารราชการท้องถิ่นมากขึ้น
ในด้านสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพในเชิงรุกมากขึ้น ในแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2545-2549) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า คนในสังคมไทยทุกคนมีหลักประกันที่จะดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะ และเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาค รวมทั้งอยู่ในครอบครัว ชุมชน และสังคมที่มีความเพียงพอทางสุขภาพ มีศักยภาพ มีการเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพ โดยสามารถใช้ประโยชน์ทั้งจากภูมิปัญญาสากลและภูมิปัญญาไทยได้อย่างรู้เท่าทัน
ด้วยเหตุนี้เอง งานสาธารณสุขจึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด และวิธีการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ โดยเฉพาะงานสาธารสุขมูลฐาน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของงานสาธารณสุขชุมชน งานสาธารณสุขมูลฐานมีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาศักยภาพและเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นกำลังสำคัญ แต่จากระยะเวลาที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า บุคลากรทางสาธารณสุขและ อสม. เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ ต้องอาศัยสมาชิกทุกหน่วยในสังคมเข้ามาช่วยกัน ดังนั้น จึงมีการปรับแนวคิด และวิธีการทำงานของงานสาธารณสุขขั้นมูลฐานอย่างเป็นระบบ ด้วยการจัดระบบการจัดการของชุมชนจากสิ่งที่มีอยู่ในชุมชน (อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้นำกลุ่มต่างๆ และประชาชน) ศูนย์ปฏิบัติการให้บริการสาธารณสุขเบื้องต้น และความรู้ข่าวสารด้านสุขภาพชุมชนและทุนในการดำเนินกิจกรรมสุขภาพในชุมชน
2. การจัดการของชุมชนในการพัฒนาสุขภาพ เรียกว่า อะไร
ตอบ ระบบสุขภาพเพื่อประชาชน จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานสาธารณสุขชุมชนนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสุขภาพของคนในชุมชน ด้วยการส่งเสริมและผลักดันให้สมาชิกในชุมชนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ว่าเป็นหน้าที่ของตนเองไม่ใช่เรื่องของแพทย์หรือพยาบาล เพื่อลดการพึ่งพาสาธารณสุขในอนาคต ส่วนภาครัฐก็ต้องปรับบทบาทของตนมาเป็นผู้ให้การสนับสนุนปัจจัยที่จำเป็น เช่น องค์ความรู้ เทคโนโลยี และทรัพยากรต่างๆ ที่ชุมชนต้องการ
3. ระบบสุขภาพภาคประชาชนคืออะไร และมีองค์ประกอบกี่ประการ
ตอบ ระบบสุขภาพภาคประชาชน เป็นการจัดการงานสาธารณสุขมูลฐานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สมาชิกในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ และร่วมมือกันดูแลสุขภาพของตนเอง โดยมีภาครัฐและองค์กรภายนอกให้การสนับสนุน นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาองค์กรอาสาสมัคร และแกนนำสุขภาพประจำครอบครัว ให้มีส่วนร่วมในการจัดการงานบริการส่งเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ ด้วย
ระบบสุขภาพภาคประชาชน มีองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ประกอบด้วย คน องค์ความรู้ และทุน
1. คน เป็นองค์กรที่สำคัญในการพัฒนาสุขภาพ สมาชิกในชุมชนมารวมกลุ่มกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อช่วยส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรง พึ่งตนเองได้
2. องค์ความรู้ เช่น วิทยากร วิธีการ เทคโนโลยี ภูมิปัญญา การถ่ายทอดและการกระจายความรู้ ข้อมูลข่าวสารในชุมชน เป็นต้น
3. ทุน การพัฒนาสุขภาพจำเป็นต้องอาศัยทุน ทั้งที่เป็นตัวเงิน ซึ่งอยู่ในลักษณะการเงินการคลังด้านสุขภาพ และทุนทางสังคม เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรบุคคล ภูมิปัญญา เป็นต้น
องค์ประกอบทั้ง 3 ประการนี้ จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยหากขาดการจัดการที่เป็นระบบ และมีความสมดุล ซึ่งการจัดการในที่นี้คือ การปฏิบัติเพื่อการประสานให้มีการเคลื่อนไหวขององค์ประกอบทั้ง 3 ประการ และให้เกิดการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาสุขภาพ เพื่อสนองความต้องการของคนในชุมชน ทำให้คนในชุมชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ดังกรอบแนวคิดสุขภาพภาคประชาชนต่อไปนี้
4. จงอธิบายบทบาทและความสำคัญของวัยรุ่นต่อการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน
ตอบ การดำเนินงานสาธารณสุขของประเทศในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยมีระบบบริการสาธารณสุขที่ตอบสนองต่อปัญหาและความจำเป็นด้านสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่ม มีความเสมอภาคในการบริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพทั้งทางด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพที่ประชาชนต้องดำเนินการเอง เป็นต้น และการพัฒนางานสาธารณสุข รวมไปถึงการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนซึ่งประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินงานไปจนถึงระดับที่สามารถดูแลตนเองได้ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง และพึ่งพาตนเองได้
กลุ่มคนที่ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนกลุ่มหนึ่ง คือ วัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่เริ่มมีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อสังคม และจะเป็นกำลังสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศต่อไป วัยรุ่นมีความต้องการที่จะตัดสินใจเลือกทำกิจกรรมต่างๆ และมีพลังที่จะทำกิจกรรมที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ หากได้รับการส่งเสริมและพัฒนาในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น วัยรุ่นจึงเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขอีกด้วย
บทบาทของวัยรุ่นต่อการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน วัยรุ่นควรได้แสดงออกถึงบทบาทในการพัฒนางานสาธารณสุขชุมชน ในแนวทางต่อไปนี้
1. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับระบบการบริการสาธารณสุขเป็นประจำ
2. ติดตามข่าวสารสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ
3. ดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกต้อง
4. แนะนำผู้อื่นในการปฏิบัติตนที่นำไปสู่การมีสุขภาพดี
5. สมัครเข้าเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเพื่อนบ้านในชุมชน เพื่อการมีสุขภาพอนามัยที่ดี โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนสมาชิกในชุมชน ในการติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาสาสมัครเหล่านี้ ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นต้น
6. เผยแพร่ความรู้และข่าวสารสาธารณสุขซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การนำข่าวสารที่ได้ จากหน่วยงานสาธารณสุขไปใช้ในห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดชุมชน การนำข่าวสารสาธารณสุขจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มาเขียนเป็นบทความโดยย่อ แล้วนำไปติดให้ผู้อื่นอ่าน การแจกเอกสารสาธารณสุขแก่ผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพตามเนื้อหาที่มีในเอกสาร และการนำข่าวสารสาธารณสุขไปบรรยาย จัดนิทรรศการ และให้ความรู้ทางการกระจายเสียง เป็นต้น
7. มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
8. ริเริ่มกิจกรรมเกี่ยวกับงานสาธารณสุขในชุมชน เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และอนามัยสิ่งแวดล้อม
9. ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทุกครั้งที่มีโอกาส
5. พระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ไว้ ณ วันใด
ตอบ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
6. พระราชบัญญัติ วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ตอบ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
7. “วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ วิชาชีพที่กระทําต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ในชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การตรวจประเมินและการบําบัด โรคเบื้องต้น การดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การฟื้นฟูสภาพ การอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยในชุมชนโดยนําหลักวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ แต่ไม่รวมถึง การประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
8. “การประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ การกระทําการสาธารณสุขต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และอนามัยสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้
(๑) การส่งเสริมการเรียนรู้ การแนะนําและให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การบําบัดโรคเบื้องต้น และการฟื้นฟูสภาพ ต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยการผสมผสานต่อเนื่อง และเชื่อมโยงเป็นองค์รวม
(๒) การประยุกต์หลักวิทยาศาสตร์ โดยการกระทําด้านการอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อการควบคุมป้องกันปัจจัยที่ทําให้เกิดโรค และลดความเสี่ยง การเจ็บป่วยต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชน
(๓) การตรวจประเมินและการบําบัดโรคเบื้องต้น การดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การสร้างเสริม ภูมิคุ้มกันโรค และการวางแผนครอบครัวตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
(๔) การตรวจประเมินอาการเจ็บป่วย และการช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อการส่งต่อตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
9. “ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
ตอบ บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับ ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนจากสภาการสาธารณสุขชุมชน
10. มีสภาการสาธารณสุขชุมชน มีฐานะเป็นอะไร และมีหน้าที่อย่างไร
ตอบ มีสภาการสาธารณสุขชุมชนเป็นนิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ และอํานาจหน้าที่ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติน
สภาการสาธารณสุขชุมชนมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๒) ออกคําสั่งตามมาตรา ๓๙ วรรคสี่
(๓) ให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนในระดับอุดมศึกษาของ สถาบันการศึกษาที่จะทําการสอนวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เพื่อเสนอต่อสํานักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา
(๔) รับรองปริญญา ประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตรหรือ วุฒิบัตรในวิชาชีพการสาธารณสุขของสถาบันต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก
(๕) รับรองหลักสูตรต่างๆ สําหรับการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรของสถาบันที่จะทําการสอน และฝึกอบรมวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน
(๖) รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทําการสอนและฝึกอบรมใน (๕)
(๗) จัดทําแผนการดําเนินงานและรายงานผลการดําเนินงานเสนอต่อสภานายกพิเศษอย่างน้อย ปีละครั้ง
(๘) ดําเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภาการสาธารณสุขชุมชน