โปรมแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
1. ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ คืออะไร
ก. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. ระบบโปรแกรมการทำงาน
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ข
2. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ คืออะไร
ก. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. การคำนวณ
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. ระบบโปรแกรมการทำงาน
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
3. เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ทำงานด้วยระบบใด
ก. Digital ข. Analog
ค. Calculate ง. Numerical
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
4. ข้อใดไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ
ก. Microsoft Windows98 ข. Microsoft Windows ME
ค. Microsoft Windows XP ง. Microsoft Office
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ง
5. RAM คืออะไร
ก. หน่วยความจาถาวรที่ติดตั้งมาพร้อมกับแผงเมนบอร์ด
ข. หน่วยความจำเสมือน
ค. หน่วยความจำจำลองที่ทำงานแทนเมนบอร์ด
ง. หน่วยความจำชั่วคราวที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ง
6. ROM คืออะไร
ก. หน่วยความจำถาวรที่ติดตั้งมาพร้อมกับแผงเมนบอร์ด
ข. หน่วยความจำเสมือน
ค. หน่วยความจำจำลองที่ทำงานแทนเมนบอร์ด
ง. หน่วยความจำชั่วคราวที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
7. หน่วยของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุดคือข้อใด
ก. Bit ข. Byte
ค. Charater ง. Database
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
8. หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำบิตมารวมกันคือข้อใด
ก. Field ข. File
ค. Byte ง. Record
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ค
9. การวัดขนาดข้อมูล 8 Bit มีค่าเท่ากับ
ก. 10 Byte ข. 100 Byte
ค. 1 Byte ง. 1024 Byte
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ค
10. การวัดขนาดข้อมูล 1 KB (กิโลไบต์) มีค่าเท่ากับ
ก. 1024 KB ข. 1024 MB
ค. 1024 Byte ง. 1024 Byte
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น)
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายที่ดิน กฎกระทรวง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
1. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่าที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ก. พื้นที่ดินทั่วไป ข. คลอง
ค. ที่ชายทะเล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน หมายความถึงพื้นที่ดินทั่วไป และให้ความหมายรวมถึงภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ลำน้ำ ทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเลด้วย จากความหมายดังกล่าว จะเห็นว่าที่ดินมีความหมายกว้างมาก เพราะนอกจากจะหมายความถึงพื้นที่ดินโดยทั่วๆ ไปที่ราษฎรใช้ปลูกบ้านอยู่อาศัยและประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพแล้วประมวลกฎหมายที่ดิน ยังให้ความหมายรวมถึงพื้นที่อื่นๆ ด้วย ซึ่งแม้โดยสภาพจะไม่เป็นพื้นดินธรรมดา เช่น หนองน้ำ บึง ทะเลสาบ เป็นต้น สาเหตุที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ก็เพราะว่าอาจจะเห็นว่าที่ดินเป็นทรัพย์ที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น พื้นที่ต่างๆ ดังกล่าวแม้ปัจจุบันจะยังไม่มีสภาพเป็นพื้นดิน แต่ในอนาคตจะตื้นเขินกลายเป็นพื้นดินขึ้นมาในภายหลังได้ จึงได้บัญญัติครอบคลุมไปถึงไว้ด้วย
2. สิทธิในที่ดิน หมายถึงข้อใด
ก. เฉพาะสิทธิครอบครอง ข. เฉพาะกรรมสิทธิ์
ค. ทั้งสิทธิครอบครอง และกรรมสิทธิ์ ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. สิทธิในที่ดิน หมายถึง กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครอง
3. ที่ดินมือเปล่า คือที่ดินตามข้อใด
ก. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดแผนที่
ข. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดตราจอง
ค. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็น นส.3ก
ง. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นตราจองที่ตราว่าได้ทำประโยชน์แล้ว
ตอบ ค. ที่ดินมือเปล่า คือ ที่ดินที่เจ้าของยังไม่มีกรรมสิทธิ์ เช่น นส.3., ส.ค.1, น.ส. 3ก, ใบไต่สวน เหล่านี้เป็นที่ดินมือเปล่า เพราะเจ้าของยังไม่มีกรรมสิทธิ์
4. หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์มีกี่ชนิด
ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด
ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด
ตอบ ค. หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ มี 4 ชนิด คือ 1) โฉนดที่ดิน 2) โฉนดแผนที่ 3) โฉนดตราจอง 4) ตราจองที่ตราไว้ได้ทำประโยชน์แล้ว
5. บุคคลในข้อใดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแล้ว
ก. นาย ก มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นใบจอง
ข. นาย ข มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นหลักฐานการแจ้งการครอบครอง
ค. นาย ค มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นโฉนดที่ดิน
ง. นาย ง มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ตอบ ค. มาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 บัญญัติว่า “ที่ดินซึ่งมิได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใด ให้ถือว่าเป็นของรัฐ” จากมาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดังกล่าว จะเห็นว่าที่ดินที่ ราษฎรยังมิได้มีกรรมสิทธิ์ ถึงแม้ว่าราษฎรยังมิได้มีกรรมสิทธิ์ ถึงแม้ว่าราษฎรจะมีสิทธิครอบครองโดยอาจจะหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินบางอย่าง เช่น ใบจอง ตราจอง หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน หนังสือรับรอง การทำประโยชน์ เป็นต้น แต่มาตรา 2 แห่งกฎหมายที่ดินก็ยังถือว่าที่ดินที่ราษฎรมีสิทธิครอบครองนี้เป็นที่ดินของ รัฐ เพียงแต่รัฐอนุญาตให้ราษฎรมีสิทธิครอบครองแล้วรัฐจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยว แต่สิทธิครอบครองที่กล่าวนี้จะต้องเป็นสิทธิครอบครองที่ชอบด้วยกฎหมาย
6. หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินข้อใด ที่ได้รับตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ก. โฉนดแผนที่ ข. โฉนดตราจอง
ค. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ง. โฉนดที่ดิน
ตอบ ง. การได้มาซึ่งโฉนดที่ดินตามบทแห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งอาจจะเป็นการได้โฉนดที่ดินโดย การ ที่ทางราชการประกาศออกโฉนดที่ดินทั้งตำบล หรืออาจจะเป็นการยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะราย
7. หนังสือสำคัญสำหรับที่ดินตามข้อใด ตั้งเมื่อทำประโยชน์ครบ 2 ปี หรือ 3 ปีแล้ว สามารถนำมาขอตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” จากทางราชการได้
ก. ใบเหยียบย่ำ ข. นส.3
ค. ใบไต่สวน ง. ส.ค.1
ตอบ ก. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ออกตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6)พุทธศักราช 2479 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้มีการออกใบอนุญาตแก่ผู้มาขอจับจองทำประโยชน์ที่ดินของรัฐเป็นใบเหยียบย่ำหรือตราจอง ซึ่งมีอายุในการทำประโยชน์ 2 ปี หรือ 3 ปี แล้วแต่กรณี เมื่อผู้ขอจับจองได้ทำประโยชน์ครบตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายได้กำหนดไว้แล้ว ผู้ที่มีตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” จากทางราชการได้
8. การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อครองชีพนั้น เมื่อราษฎรทำประโยชน์ในที่ดินครบถ้วนตามหลักเกณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะออกหนังสือรับรองให้ เรียกว่าอะไร
ก. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ข. หนังสือแสดงการทำประโยชน์
ค. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ง. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน
ตอบ ข. การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2551 นั้น ทางราชการได้จัดที่ดินให้ราษฎรเข้าทำกินในที่ดินตามเงื่อนไขและระเบียบของเจ้าหน้าที่ เมื่อราษฎรได้ทำประโยชน์ในที่ดินครบถ้วนตามหลักเกณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะออกหนังสือรับรองให้ฉบับหนึ่ง เรียกว่า หนังสือแสดงการทำประโยชน์ (ไม่ใช่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 หรือ น.ส.3 ก) เป็นหนังสือรับรองที่เจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์หรือเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์แล้วแต่กรณีเป็นผู้ออกให้ เพื่อให้ผู้นั้นมีสิทธิไปขอรับโฉนดที่ดินจากพนักงานเจ้าหน้าที่ได้)
9. ที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หากเจ้าของทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์เป็นระยะเวลาเท่าใด ที่ดินนั้นอาจกลับคืนมาเป็นของรัฐได้
ก. 1 ปี ข. 3 ปี
ค. 5 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ง. มาตรา 6 นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับบุคคลใดมีสิทธิในที่ดินตามโฉนาดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
1. สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกินสิบปีติดต่อกัน
2. สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เกินห้าปีติดต่อกัน ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะ
ส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือที่ปล่อยให้เป็นที่ร้างว่างเปล่า เมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลและศาลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายนี้ต่อไป”
10. ที่ดินที่ราษฎรมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแล้ว ที่ดินนั้นอาจกลับมาเป็นของรัฐอีกในกรณีใด
ก. เจ้าของที่ดินเวนคืนให้รัฐด้วยความสมัครใจ
ข. เจ้าของที่ดินที่มีโฉนดที่ดินทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์เกิน 5 ปี
ค. เจ้าของที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเกิน 1 ปี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ถึงแม้ว่าราษฎรจะมีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิ์ครอบครองในที่ดินในฐานะที่เป็นเจ้าของที่ดินนั้นก็อาจจะกลับมาเป็นของรัฐได้อีก พอจะแยกพิจารณาได้ดังนี้
1. เจ้าของที่ดินเวนคืนให้รัฐโดยความสมัครใจ
2. เจ้าของที่ดินทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า
2.1 สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกิน 10 ปีติดต่อกัน
2.2 สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เกิน 5 ปีติดต่อกัน
3. เจ้าของที่ดินถูกทางราชการบังคับเวนคืน
แนวข้อสอบด้านการบริหารงานการจัดการทั่วไป
1. ความรู้ทั่วไปทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ปัจจุบัน
1. ความต้องการหรือความจำเป็นข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม
ก. พึ่งตนเองได้ตามสัญชาตญาณของสัตว์โลก
ข. ได้รับการตอบสนองด้านสังคมจิตวิทยา
ค. ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้ชนรุ่นหลัง
ง. ได้รับการช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ตอบ ก. สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม มี 4 ประการ คือ
1) ความจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกัน
2) ความจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำตามความถนัด
3) ความจำเป็นต้องได้รับการตอบสนองความต้องการทางชีวภาพและความต้องการทางด้านสังคมจิตวิทยา
4) ความจำเป็นในการถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่คนรุ่นหลัง
2. องค์ประกอบของ “สังคม” ข้อใดเป็นกลไกด้านคุณภาพ ทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ก. มีพื้นที่อาณาเขตแน่นอน ข. มีการจัดระเบียบทางสังคม
ค. มีประชากรหรือสมาชิกของสังคม ง. มีความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคม
ตอบ ข. การจัดระเบียบทางสังคม สังคมจะต้องมีการวางระเบียบกฎเกณฑ์ เพื่อให้สมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่ช่วยจัดระเบียบสังคม คือ บรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ได้แก่กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีต่างๆ เป็นต้น
3. ข้อใดอธิบาย ผิด ความจริงเกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคม
ก. สมาชิกในสังคมมีเป้าหมายร่วมกัน ข. มีส่วนประกอบคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ค. มีระเบียบกฎเกณฑ์เป็นแนวทางปฏิบัติ ง. มีการรวมกลุ่มของคนในสังคม
ตอบ ข. โครงสร้างทางสังคมจะต้องมีส่วนประกอบเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
4. “รูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เพื่อสนองความต้องการในด้านต่างๆ ของสมาชิก เช่น
ความต้องการในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ นันทนาการ ฯลฯ” คำอธิบายนี้หมายถึงข้อใด
ก. สถาบันสังคม ข. บรรทัดฐานทางสังคม
ค. การขัดเกลาทางสังคม ง. สถานภาพทางสังคม
ตอบ ก. สถาบันทางสังคม (Social Institution) หมายถึง รูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เพื่อสนองความต้องการในด้านต่างๆ ร่วมกัน
ตัวอย่างเช่น สถาบันครอบครัวมีแบบแผนในการปฏิบัติที่สังคมยอมรับ คือ บิดา มารดา ต้องเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนบุตรของตนด้วยความรัก เป็นต้น
5. สิ่งที่เรียกว่า “กลุ่มสังคม” สมาชิกในกลุ่มจะต้องมีลักษณะสำคัญ 3 ประการดังนี้ ยกเว้น ข้อใด
ก. มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ข. มีกฎข้อบังคับและบทลงโทษเคร่งครัด
ค. มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ง. มีตำแหน่ง หน้าที่ และบทบาทแตกต่างกัน
ตอบ ข. ลักษณะที่สำคัญของกลุ่มสังคม มีดังนี้
1) สมาชิกในกลุ่มมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน หรือมีการกระทำระหว่างกันทางสังคม (Social Interaction) หมายถึง สมาชิกมีการปฏิบัติต่อกัน เช่น พูดคุยกัน ทำงานร่วมกัน ฯลฯ
2) สมาชิกในกลุ่มมีตำแหน่งหน้าที่ และบทบาทแตกต่างกัน โดยมีแบบแผนพฤติกรรมของกลุ่มที่เรียกว่า วัฒนธรรมย่อย
3) สมาชิกในกลุ่มมีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน มีความรักความผูกพันซึ่งกันและกัน
4) สมาชิกในกลุ่มมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน โดยกลุ่มสังคมนั้นจะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกในกลุ่มได้ เช่น ชมรมผู้ปฏิบัติธรรมของวัดสวนแก้ว สมาชิกมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสวงหาความสุขสงบในชีวิตตามแนวทางพระพุทธศาสนา ชมรมแห่งนี้จะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้
6. ข้อใด เป็นตัวอย่างของ “กลุ่มสังคม”
ก. ฝูงชนที่มุงดูขบวนแห่นางสงกรานต์ ข. กลุ่มนักเรียนที่ยืนรอรถเมล์ข้างถนน
ค. ลูกจ้างพนักงานในสำนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ง. กลุ่มวัยรุ่นเข้ามาชมการแสดงดนตรี
ตอบ ค. กลุ่มสังคม (Social Group) หมายถึง กลุ่มบุคคลที่สมาชิกในกลุ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างมีระเบียบแบบแผน เป็นที่ยอมรับซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีสัญลักษณ์ และมี ความสนใจคล้ายๆ กัน จึงทำให้กลุ่มมีลักษณะแตกต่างกับกลุ่มอื่นๆ
ตัวอย่างกลุ่มสังคม เช่น ข้าราชการในกระทรวงแห่งหนึ่ง สมาชิกสมาคมนิสิตเก่าของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สมาชิกมูลนิธิบำเพ็ญกุศลแห่งหนึ่ง หรือสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เป็นต้น
7. ข้อใดถ้า ไม่มี ความหมายของ “สถาบันสังคม” ก็ยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ก. บรรทัดฐานทางสังคม ข. การยอมรับร่วมกันของสมาชิกในสังคม
ค. สนองความต้องการต่างๆ ของสมาชิก ง. ความเชื่อและค่านิยมเป็นแบบแผนเดียวกัน
ตอบ ง. สถาบันทางสังคม (Social Institution) มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
1) กลุ่มสังคม สถาบันสังคมจะต้องมีกลุ่มสังคมต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันเศรษฐกิจจะต้องมีกลุ่มสังคมของผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และผู้ประกอบกิจการธนาคาร เป็นต้น
2) หน้าที่ สถาบันสังคมจะต้องมีหน้าที่หรือจุดมุ่งหมายในการสนองความต้องการของสังคมด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันศาสนา ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจของสมาชิก
3) แบบแผนพฤติกรรมที่สมาชิกจะต้องปฏิบัติต่อกัน หมายถึง บรรทัดฐานทางสังคม ได้แก่ วิถีประชา จารีต และกฎหมาย ซึ่งสถาบันสังคมแต่ละแห่งย่อมมีบรรทัดฐานทางสังคมที่แตกต่างกัน
4) สัญลักษณ์และค่านิยม เป็นสิ่งที่ทำให้สมาชิกเกิดความรัก ความศรัทธาต่อสถาบันสังคมแห่งนั้น
8. สถาบันสังคมข้อใด เป็นสถาบันสังคมพื้นฐานในการสร้างสมาชิกในสังคมที่มีคุณภาพ
ก. สถาบันครอบครัว ข. สถาบันการศึกษา
ค. สถาบันศาสนา ง. สถาบันทางปกครอง
ตอบ ก. สถาบันครอบครัว หมายถึง แบบแผนพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวและ
เครือญาติ เช่น การสมรส การอบรมเลี้ยงดูบุตร การหย่าร้าง ฯลฯ
9. ลักษณะโครงสร้างทางสังคมข้อใด ถ้าสังคมใด ไม่มี สังคมนั้นจะหยุดนิ่งไม่อาจพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
ก. กลุ่มคนที่ติดต่อสัมพันธ์กัน ข. กฎเกณฑ์หรือแบบแผนในการปฏิบัติ
ค. วัตถุประสงค์ในการติดต่อสัมพันธ์กัน ง. การเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ตอบ ง. ลักษณะโครงสร้างทางสังคม ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เช่น จำนวนประชากรในสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆให้เหมาะสม เป็นต้น จะทำให้สังคมไม่อาจพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
10. “โครงสร้างทางสังคม” มีความหมายตรงกับข้อใดมากที่สุด
ก. ระเบียบกฎเกณฑ์ที่สมาชิกในสังคมต้องปฏิบัติ
ข. ความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพ บทบาท กับสถาบันสังคม
ค. ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนในสังคม ซึ่งเชื่อมโยงด้วยบรรทัดฐานทางสังคม
ง. สิ่งที่มารวมกันเป็นสังคมมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยรัฐบาล ประชาชน และวัฒนธรรม
ตอบ ค. โครงสร้างทางสังคม (Social Structure) หมายถึง ความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่มาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม โดยมี “บรรทัดฐานทางสังคม” เป็นที่เชื่อมโยงผูกพันระหว่างกัน